แคลโบมิคพลัส (แคลเซียม-โบรอน)
แคลโบมิคพลัสคืออะไร?
ข้อดีและข้อควรระวังที่เกษตรกรควรรู้
แคลโบมิคพลัส คือผลิตภัณฑ์แคลเซียมโบรอนในรูปแบบที่พืชสามารถดูดซึมได้ง่าย ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของพืชให้แข็งแรง โดยเฉพาะ การพัฒนาเซลล์ ผนังเซลล์ และการแบ่งเซลล์ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชทุกระยะ
9 ข้อดีของแคลโบมิคพลัส
แคลโบมิคพลัสมีข้อดีหลายประการต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพผลผลิตของพืช โดยช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์พืช ลดปัญหาผลแตกและผลร่วง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการออกดอกและติดผล เพิ่มอัตราการผสมเกสร ทำให้ผลผลิตสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันอาการขาดแคลเซียมและโบรอน อีกทั้งยังช่วยให้พืชสามารถลำเลียงธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รากแข็งแรงและดูดซึมสารอาหารจากดินได้ดีขึ้น
1. เสริมสร้างความแข็งแรงของพืช – ช่วยให้เซลล์พืชแข็งแรง ลดปัญหาผลแตกและผลร่วง
2. ช่วยพัฒนาการออกดอกและติดผล – เพิ่มอัตราการผสมเกสร ทำให้ดอกสมบูรณ์และติดผลดีขึ้น
3. ป้องกันอาการขาดแคลเซียมและโบรอน – ลดปัญหาผลเน่า (Blossom End Rot) ในมะเขือเทศ พริก และแตงโม
4. เพิ่มคุณภาพของผลผลิต – ทำให้ผลไม้มีผิวสวย เปลือกหนา แข็งแรง เก็บรักษาได้นานขึ้น
5. ช่วยให้พืชทนต่อสภาวะแวดล้อม – ลดความเครียดจากสภาพอากาศร้อนหรือแล้ง
6. ช่วยลดปัญหาใบอ่อนหงิกงอ – เนื่องจากโบรอนเป็นธาตุสำคัญในการพัฒนาเนื้อเยื่อของใบ
7. กระตุ้นการสร้างรากแข็งแรง – ส่งเสริมการดูดซึมธาตุอาหารจากดินได้ดีขึ้น
8. ลดการหลุดร่วงของดอกและผลอ่อน – ทำให้พืชติดผลดกขึ้นและได้ผลผลิตมากขึ้น
9. เพิ่มอัตราการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารในพืช – ช่วยให้พืชสามารถลำเลียงธาตุอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมี
ข้อควรระวังในการใช้แคลโบมิคพลัส
แม้ว่าแคลโบมิคพลัสจะมีประโยชน์ต่อพืชอย่างมาก แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องคำนึงถึงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ในอัตราที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพราะการใช้มากเกินไปอาจทำให้พืชได้รับแคลเซียมและโบรอนมากเกินความจำเป็น ส่งผลต่อการเจริญเติบโต นอกจากนี้ ควรฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อให้พืชดูดซึมได้ดีและป้องกันการระเหย หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นในช่วงแดดจัดเพราะอาจทำให้ใบไหม้ได้ อีกทั้งไม่ควรผสมกับสารเคมีบางชนิด
ข้อควรระวัง
1.ใช้อัตราที่เหมาะสม – หลีกเลี่ยงการใช้มากเกินไป เพราะอาจทำให้พืชได้รับแคลเซียมและโบรอนเกินความจำเป็น
2.ฉีดพ่นในช่วงเวลาที่เหมาะสม – ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น ช่วยให้พืชดูดซึมได้ดีขึ้น และหลีกเลี่ยงแดดจัดเพื่อลดความเสี่ยงที่ใบจะไหม้
3.หลีกเลี่ยงการผสมกับสารเคมีบางชนิด – โดยเฉพาะสารที่มีความเป็นกรดสูง อาจทำให้แคลเซียมตกตะกอนและลดประสิทธิภาพ
4.ควรเก็บรักษาให้ถูกต้อง – ควรเก็บไว้ในที่แห้ง หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น เพื่อรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
5.ทดลองผสมก่อนใช้ร่วมกับสารอื่น – หากต้องการใช้ร่วมกับปุ๋ยหรือสารกำจัดศัตรูพืช ควรทดลองในปริมาณเล็กน้อยก่อนใช้งานจริง
6.อย่าใช้บ่อยเกินความจำเป็น – การใช้มากเกินไปทำให้พืชพึ่งพาสารอาหารจากภายนอกมากเกินไป ส่งผลต่อระบบราก การดูดซึมธาตุ
7.ตรวจสอบค่า pH ของน้ำที่ใช้ผสม – หากน้ำมีความเป็นกรดหรือด่างสูง อาจทำให้สารตกตะกอนหรือส่งผลต่อการดูดซึมของพืช
8.ไม่ควรฉีดพ่นขณะฝนตกหรือก่อนฝนตกหนัก – เพื่อป้องกันการชะล้างออกไปก่อนที่พืชจะดูดซึมได้เต็มที่
9.เลือกใช้ให้เหมาะกับระยะของพืช – แคลเซียมโบรอนมีบทบาทสำคัญในช่วงออกดอกและติดผล ควรใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสม
10.ไม่ควรใช้กับพืชที่ไม่ต้องการแคลเซียมในปริมาณสูง – บางพืชอาจต้องการธาตุแคลเซียมในปริมาณน้อย
รีวิวผู้ใช้งานจริง
บริษัท พรีม่า แพสชั่น 49 จำกัด
ผู้จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ทางเกษตรคุณภาพสูง เพื่อเกษตรกรไทย
เรามีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง และ ห้องวิจัยที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาเกษตกร
เพื่อผลผลิตคุณภาพสูงของเกษตกร มั่นคงและยั่งยืน
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
